เชื้อ HIV คืออะไร?
เชื้อ HIV คือ เชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์ (human immunodeficiency virus) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคนได้เชื้อไวรัสมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อไวรัสทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงจนไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อได้อีกต่อไป ภาวะนี้จะนำไปสู่กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ (AIDS) ผู้ป่วยโรคเอดส์มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้ออื่นๆและร่วมไปถึงโรคมะเร็ง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ เชื้อ HIV และโรคเอดส์นั้นไม่เหมือนกัน คนส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับร่วมกับเชื้อ HIV ซึ่งเข้ารับการรักษาจะไม่พัฒนาไปสู่โรคเอดส์
คุณรับเชื้อ HIV ได้อย่างไร?
เชื้อ HIV แพร่กระจายเมื่อของเหลวในร่างกายมีไวรัสเพียงพอที่จะเข้าสู่กระแสเลือดของบุคคลอื่น เชื้อ HIV พบได้เฉพาะในเลือด น้ำอสุจิ (น้ำเชื้อและน้ำหล่อลื่น (พรีคัม)) มูกทวารหนัก น้ำนมแม่ และของเหลวในช่องคลอดหรือรูด้านหน้า วิธีการแพร่กระจายของเชื้อ HIV ที่พบบ่อยที่สุดคือ การร่วมเพศโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายผ่านการใช้อุปกรณ์ฉีดยาร่วมกันการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อ HIV ได้ การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากมีความเสี่ยงของการรับเชื้อ HIV ที่ต่ำมาก ความเสี่ยงของการรับเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากสามารถเพิ่มขึ้นได้ หากมีบาดแผลหรือแผลในปาก หรือมีเลือดออกตามไรฟัน คุณไม่สามารถรับเชื้อ HIV จากการจูบ สัมผัส หรือใช้อุปกรณ์ในการรับประทานอาหารร่วมกันได้ คุณไม่สามารถรับเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์กับใครบางคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV ซึ่งมีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน
อาการต่าง ๆ ของการรับเชื้อ HIV มีอะไรบ้าง?
เมื่อผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV และต่อมากลายเป็นผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV กระบวนการนี้เรียกว่า ผู้ที่เพิ่งอยู่ร่วมกับเชื้อใหม่ (seroconversion)
บางคนอาจจะไม่แสดงอาการเลยสักนิดเดียวเมื่อพวกได้รับเชื้อ HIV หากมีอาการเกิดขึ้น มักจะเป็นประมาณสี่สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ ซึ่งมักจะมีลักษณะของอาการเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาจรวมถึง
- มีไข้
- มีผื่น
- เจ็บคอ
- ต่อมต่าง ๆ บวม
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
- ไอแห้งอย่างต่อเนื่อง
- เบื่ออาหาร
- เหนื่อยล้า
- ท้องร่วง
- เป็นหวัดโดยไม่มีน้ำมูกไหล
ฉันจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV ได้อย่างไร?
การตรวจหาเชื้อ HIV มี ‘ช่วงระยะแฝง’ คือ ระยะเวลาระหว่างที่คุณได้รับเชื้อ HIV และเมื่อเชื้อไวรัสปรากฏในการตรวจหาเชื้อ ระยะแฝงสำหรับการตรวจหาเชื้อ HIV คือ สูงสุดหกสัปดาห์สำหรับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ และสูงสุดสามเดือนสำหรับการตรวจหาเชื้อวิธีอื่น ๆ
ซึ่งหมายความว่าอาจตรวจไม่พบเชื้อ HIV จากการตรวจหาเชื้อ หากคุณได้สัมผัสเชื้อในช่วงระยะแฝงดังกล่าว
สิ่งสำคัญคือ คุณต้องรู้ว่าเชื้อ HIV สามารถติดต่อได้ง่ายมากในช่วงระยะแฝงดังกล่าว แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการก็ตาม นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เป็นประจำ
มีหลายวิธีที่คุณสามารถตรวจหาเชื้อ HIV ได้
ดูที่หัวข้อการตรวจหาเชื้อ HIV สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการตรวจหาเชื้อ HIV ประเภทต่าง ๆ และไปเข้ารับการตรวจได้อย่างไร
เชื้อ HIV รักษาได้อย่างไร?
เชื้อ HIV จำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา เชื้อ HIV อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและอาจทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ เมื่อคุณติดเชื้อ HIV แล้ว ไวรัสจะยังคงอยู่ในร่างกายของคุณ ซึ่งสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการรักษาเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV ได้โดยมีชีวิตที่สมบูรณ์และมีสุขภาพดี ทางที่ดีควรเริ่มการรักษาการติดเชื้อ HIV โดยเร็วที่สุด การรักษากระทำโดยการใช้ยา HIV ซึ่งจะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายของคุณ วิธีนี้เรียกว่าการตรวจไม่พบเชื้อ (Undetectable) หรือการมีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ (ระดับ UVL) ตราบใดที่คุณยังเข้ารับการรักษาและรักษาระดับ UVL ไว้ เชื้อไวรัสจะยังคงถูกระงับ การรักษาระดับ UVL ไว้อย่างน้อยหกเดือนจะทำให้เชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่เชื้อ HIV ไปสู่ผู้อื่นได้ ติดต่อคู่นอนคนก่อน ๆ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาอาจได้สัมผัสเชื้อ HIV และควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ดูที่หัวข้อการรักษาการติดเชื้อ HIV สำหรับรายละเอียดการรักษาที่เกี่ยวข้อง
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการรับเชื้อ HIV มีอะไรบ้าง?
หลักการป้องกันการรับเชื้อ HIV มีสี่วิธี
ดูที่การป้องกันการรับเชื้อ HIV สำหรับรายละเอียดวิธีหยุดการแพร่กระจายของเชื้อ HIV